ความสำคัญและประโยชน์ของกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์
ความสำคัญและประโยชน์ของกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2)
พ.ศ.2545 มาตรา 22 กำหนดว่า “การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ”
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ
(2547 : 4) กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษา ศาสนา
ศิลปะ และวัฒนธรรม ระยะที่ 9 (พ.ศ.2545 – 2549) ได้เน้นย้ำมุ่งให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ที่สร้างโอกาสให้คนไทยทุกคน
คิดเป็น ทำเป็น มีเหตุผล สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
รู้จักใช้ข้อมูลที่มีอยู่อย่างหลากหลายเพื่อสร้างองค์ความรู้ และพัฒนาตนเอง
ซึ่งการจะหล่อหลอมให้เกิดคุณลักษณะดังกล่าวได้
ต้องฝึกให้รู้จักใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อถือได้และกระบวนการที่สร้างความรู้ได้อย่างเป็นระบบระเบียบ
คือ การวิจัยซึ่งแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษา (ระยะที่ 9) ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า
การวิจัยเป็นแนวทางการดำเนินการหนึ่งที่นำไปสู่การสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้
และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บททางการศึกษาของไทย ยังได้ให้ความสำคัญกับการวิจัย
และกำหนดไว้หลายมาตรา ที่ชี้ให้เห็นว่า
การวิจัยเป็นกระบวนการที่ควบคู่ไปกับกระบวนการเรียนรู้ และกระบวนการทำงานของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาซึ่งเป็นกลไกที่นำไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้
กล่าวถือ มาตรา 24(5) ระบุให้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ผู้เรียน
สามารถใช้การวิจัย เพื่อศึกษาเรื่องที่น่าสนใจและต้องการหาความรู้ใหม่ หรือต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
การวิจัยจึงสัมพันธ์กับกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งจะช่วยฝึกกระบวนการคิด
การจัดการหาเหตุผลในการตอบปัญหา
และรู้จักประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
ในความคิดเห็นของผู้เขียน
การวิจัยสำหรับนักเรียนไม่ว่าจะเป็นระดับเด็กชั้นอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
ก็คือ การทำโครงงานนั่นเอง และกิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงงานเป็นการสอนที่เน้นผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
เพราะเป็นการสอนที่มุ่งให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง
สามารถคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล มีกระบวนการทำงานและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
ครูมีบทบาทเป็นผู้ให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เต็มตามศักยภาพ จากกรมวิชาการ
(2544 : ก)
กิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงงาน
เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้สอนได้ทุกกลุ่มประสบการณ์ / กลุ่มวิชา และทุกระดับชั้น
สถาบันส่งเสริมการเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(2546 :
4) ได้กล่าวว่าการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในสถานศึกษามีเป้าหมายสำคัญดังนี้
1.
เพื่อให้เข้าใจหลักการ
ทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานในวิทยาศาสตร์
2.
เพื่อให้เข้าใจขอบเขต
ธรรมชาติ และข้อจำกัดของวิทยาศาสตร์
3.
เพื่อให้มีทักษะสำคัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4.
เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ ทักษะในการสื่อสาร
และความสามารถในการตัดสินใจ
5.
เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี มวลมนุษย์และสภาพแวดล้อมในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน
6.
เพื่อนำความรู้ความเข้าใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต
7.
เพื่อให้มีจิตวิทยาศาสตร์
มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์
การจัดการเรียนการสอน เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายของ หลักสูตรทั้ง
7 ประการ ดังกล่าว เป็นการยากที่จะดำเนินการโดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอนตามบทเรียน
และเวลาที่กำหนดไว้ในหลักสูตรเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีประสบการณ์ตรงในการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์อย่างครบถ้วนทุกขั้นตอนในการศึกษาค้นคว้าหรือแก้ปัญหาต่าง
ๆ นับตั้งแต่การกำหนดปัญหาหรือเลือกปัญหาที่จะศึกษา
การวางแผนการแก้ปัญหาหรือวางแผนการศึกษาค้นคว้า ซึ่งได้แก่การตั้งสมมุติฐานการออกแบบการทดลองและการควบคุมตัวแปร
การดำเนินการศึกษาหรือทดลองเพื่อตรวจสอบสมมุติฐาน
ตลอดจนการสรุปผลของการศึกษาค้นคว้า ทั้งนี้เพราะเงื่อนไขในเรื่องเวลาที่มีจำกัด
และเนื้อหาในหลักสูตรที่ครูจะต้องสอนให้ครบภายในเวลาที่กำหนด
นอกจากนั้นการพัฒนานักเรียนให้มีเจตคติที่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ มีจิตวิทยาศาสตร์
มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ก็เป็นการยากที่จะพัฒนาได้โดยเพียงอาศัยกิจกรรมการเรียนการสอนตามปกติเท่านั้น
เจตคติทางวิทยาศาสตร์ดังกล่าว ได้แก่ ความเป็นผู้มีเหตุผล ความสนใจใฝ่รู้
ความมุ่งมั่น อดทน รอบคอบ ความรับผิดชอบ ประหยัด มีใจกว้าง มีความซื่อสัตย์และมีใจเป็นกลาง
มีความเพียรพยายาม มีความละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจ ฯลฯ
การที่จะสอนนักเรียนให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริงถึงลักษณะขอบเขต
ธรรมชาติและข้อจำกัดของวิชาวิทยาศาสตร์
ก็เป็นเรื่องยากที่จะสอนโดยใช้กิจกรรมการเรียนตามปกติได้เช่นเดียวกัน การทำโครงงานวิทยาศาสตร์จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจพัฒนาเจตคติทางวิทยาศาสตร์จิตวิทยาศาสตร์และทักษะที่สำคัญ
ๆ ในการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยให้เป้าหมายของหลักสูตรสัมฤทธิผลสมบูรณ์ขึ้น
ทั้งนี้เพราะนักเรียนจะต้องดำเนินการศึกษาค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
ประสบปัญหาและแก้ปัญหาต่าง ๆ
ด้วยตัวของนักเรียนเองได้มีโอกาสรับประสบการณ์ตรงในกระบวนการเสาะแสวงหาความรู้
และมีโอกาสฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ
ธีระชัย ปูรณโชติ (2531:3) ได้กล่าวถึง
ความสำคัญและประโยชน์ของกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ อาจสรุปได้ดังต่อไปนี้
1.
ช่วยส่งเสริมให้จุดมุ่งหมายของหลักสูตรและการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์สัมฤทธิผลโดยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
2.
ช่วยให้นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงในกระบวนการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
3.
ช่วยพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในกระบวนการแสวงหาความรู้
ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าการเรียนในกิจกรรมการเรียนการสอนตามปกติ
มีโอกาสได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์บางทักษะซึ่งไม่ใคร่มีโอกาสในกิจกรรมการเรียนตามปกติ
เช่น ทักษะการตั้งสมมุติฐาน ทักษะการออกแบบการทดลองและควบคุมตัวแปร เป็นต้น
4.
ช่วยพัฒนาจิตวิทยาศาสตร์
เจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์และความสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์
5.
ช่วยให้นักเรียนเข้าใจลักษณะและธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ดียิ่งขึ้น
เช่น เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้หมายถึงแต่ตัวความรู้ในเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับธรรมชาติเท่านั้น
แต่ยังหมายความรวมถึงกระบวนการแสวงหาความรู้เหล่านั้น
และเจตคติหรือค่านิยมที่เป็นวิทยาศาสตร์อีกด้วย
การได้มาซึ่งความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติจะต้องใช้กระบวนการแสวงหาความรู้ซึ่งได้จากการรวบรวมข้อมูลอย่างมีระบบโดยอาศัยการสังเกตเป็นพื้นฐาน
แต่ประสาทสัมผัสของมนุษย์ ซึ่งใช้ในการสังเกตมีขีดความสามารถจำกัดในการรับรู้
ดังนั้นวิทยาศาสตร์จึงมีขอบเขตจำกัดด้วย ฯลฯ
6.
ช่วยพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
และความเป็นผู้มีวิจารณญาณ
7.
ช่วยพัฒนานักเรียนให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง
8.
ช่วยพัฒนานักเรียนให้เป็นผู้ที่คิดเป็น
ทำเป็น และมีความสามารถในการแก้ปัญหา
9.
ช่วยพัฒนาความรับผิดชอบและสร้างวินัยในตนเองให้เกิดขึ้นกับนักเรียน
10. ช่วยให้นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และมีคุณค่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น