ขอบข่ายงานแนะแนวในโรงเรียน
ขอบข่ายงานแนะแนวในโรงเรียน
           การแนะแนว  หมายถึง
กระบวนการช่วยเหลือบุคคลให้รู้จัก ยอมรับและเข้าใจตนเอง    ตลอดจนรู้จัก และเข้าใจผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม
 ส่งเสริมให้เขาค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล
มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรม จริยธรรม   มีทักษะการดำเนินชีวิต
รู้จักคิด ตัดสินใจ เลือกวิธีที่จะเผชิญและแก้ปัญหาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
สามารถวางแผนชีวิต
วางแผนการศึกษาต่อและประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสมกับตนเอง  เป็นพลเมืองและพลโลกที่ดี สามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและเป็นประโยชน์
  ดังนั้นเพื่อตอบสนองต่อปรัชญาการแนะแนวดังกล่าว  งานแนะแนว จึงเป็นงานที่มีกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
และมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับงานและบุคคลอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน
โดยมีเป้าหมายสำคัญในการป้องกัน ส่งเสริม แก้ไขและช่วยเหลือนักเรียน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพสังคมในปัจจุบันท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายทั้งด้านเศรษฐกิจ
การเมือง  สังคม  การศึกษาและความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต กระบวนการคิด
และพฤติกรรมของนักเรียนเป็นอย่างมาก    ครูแนะแนวจึงจำเป็นต้องมีความรู้
ความเข้าใจในกระบวนการแนะแนวอย่างลึกซึ้งและชัดเจน ตลอดจนมีความสามารถในการประสานสัมพันธ์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องทั้งงานและบุคคล  หรือกล่าวได้ว่า
ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการดำเนินงาน 
          ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การทำงานแนะแนวสามารถประสานเชื่อมโยงกับงานอื่นๆ
ในโรงเรียนได้อย่างสอดคล้องกลมกลืน
และช่วยให้การทำงานทำงานแนะแนวประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม 
คือการกำหนดขอบข่ายงานแนะแนวให้ชัดเจนและทำความเข้าใจเนื้อแท้ในการทำงานตามขอบข่าย  ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการบริหารจัดการงานแนะแนว  ทำให้ครูแนะแนวมีทิศทางในการดำเนินงาน และสามารถประสานการทำงานแนะแนวเข้ากับงานและบุคคลต่าง
ๆ ในโรงเรียนได้อย่างกลมกลืน โดยการกำหนดขอบข่ายของงานแนะแนวในปัจจุบันจำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบต่างๆ
ได้แก่ ศาสตร์ของการแนะแนว 
กรอบแนวคิดในการพัฒนานักเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน  รวมถึงนโยบาย  
จุดเน้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ 
ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้วขอบข่ายของงานแนะแนวในปัจจุบันที่มีการบูรณาการงานกับองค์ประกอบต่าง
ๆดังกล่าว ควรครอบคลุมงาน 3 ด้าน  คือ การจัดบริการแนะแนวตามศาสตร์ของการแนะแนว 
การจัดกิจกรรมแนะแนวตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการประสานกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามนโยบายของกระทรวง
ศึกษาธิการ 
ซึ่งงานแต่ละด้านมีภารกิจตามลักษณะงาน และมีความเชื่อมโยง
เกี่ยวพันกันอย่างกลมกลืน ดังแสดงด้วยแผนผังต่อไปนี้
จากแผนผังแสดงขอบข่ายงานแนะแนวดังกล่าว  แสดงภาพความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกันอย่างกลมกลืนระหว่างการจัดบริการแนะแนว  การจัดกิจกรรมแนะแนว
และการประสานกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ซึ่งล้วนเป็นภาระงานสำคัญในการพัฒนาและช่วยเหลือนักเรียน   ภารกิจตามลักษณะงาน ทั้ง 3
ด้านอธิบายเพิ่มเติมได้ดังนี้
           1. งานบริการแนะแนว  เป็นการจัดบริการตามศาสตร์ของการแนะแนว
ซึ่งประกอบด้วยบริการหลัก 5 บริการ  ได้แก่
บริการศึกษาข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล 
บริการสนเทศ บริการจัดวางตัวบุคคล บริการให้การปรึกษา และบริการติดตามผล 
           2.  งานจัดกิจกรรมแนะแนว
เป็นการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนานักเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551  
โดยมีขอบข่ายการจัดกิจกรรม  3  ด้าน 
คือ  แนะแนวการศึกษา แนะแนวอาชีพ
และแนะแนวส่วนตัวและสังคม 
โดยในปัจจุบันมีการกำหนดจำนวนชั่วโมงให้โรงเรียนจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนานักเรียนในแต่ละระดับชั้นไว้อย่างชัดเจนในโครงสร้างเวลาเรียนของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551
           3. งานประสานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นการทำงานประสาน เอื้ออำนวย
และช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนของงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน  ได้แก่ 
·      
การประสานช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
·      
การประสานช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการคัดกรอง
·      
การประสานช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการส่งเสริม
และพัฒนานักเรียน
·      
การประสานช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการช่วยเหลือ
แก้ไขนักเรียนกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มมีปัญหา 
รวมถึงการรับการส่งต่อนักเรียนจากครูที่ปรึกษา
 จากแผนผังแสดงขอบข่ายของงานแนะแนว 
จะเห็นว่ามีภาระงานที่ครูแนะแนวต้องทำมากมายหลายเรื่อง  
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาสำหรับบางโรงเรียนที่มีครูแนะแนวไม่เพียงพอต่อภาระงาน   แต่เมื่อพิจารณางานในแต่ละด้านอย่างรอบคอบแล้ว
จะพบว่างานทั้ง 3 ด้านมีการประสานเชื่อมโยงกันอย่างกลมกลืน
หากดำเนินงานด้วยความเข้าใจแล้ว ยังจะเป็นการช่วยลดภาระงานที่ซับซ้อน ยุ่งยากลงได้
                จากแผนผังแสดงขอบข่ายของงานแนะแนว 
จะเห็นว่ามีภาระงานที่ครูแนะแนวต้องทำมากมายหลายเรื่อง  
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาสำหรับบางโรงเรียนที่มีครูแนะแนวไม่เพียงพอต่อภาระงาน   แต่เมื่อพิจารณางานในแต่ละด้านอย่างรอบคอบแล้ว
จะพบว่างานทั้ง 3 ด้านมีการประสานเชื่อมโยงกันอย่างกลมกลืน
หากดำเนินงานด้วยความเข้าใจแล้ว ยังจะเป็นการช่วยลดภาระงานที่ซับซ้อน ยุ่งยากลงได้
           แนวทางการประสานเชื่อมโยงงานทั้ง 3 อย่างเข้าด้วยกัน
ตามแผนผังแสดงขอบข่ายงานแนะแนว เริ่มต้นที่งานบริการแนะแนวทั้ง 5 บริการ       
ซึ่งเป็นงานหลักของครูแนะแนวตามศาสตร์ในวิชาชีพการแนะแนว  
และมีการเชื่อมโยงไปยังงานจัดกิจกรรมแนะแนวและงานประสานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
โดยสามารถอธิบายภาพการเชื่อมโยงได้ดังต่อไปนี้  
           1.  บริการศึกษาข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล
( Individual Inventory Service )  
เป็นบริการที่ช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจนักเรียนมากขึ้นด้วยความตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
โดยใช้เทคนิคและวิธีการต่างๆ ในการศึกษาข้อมูลของนักเรียนทุกด้าน ทั้งด้านส่วนตัว
ครอบครัว สุขภาพ การเรียน สังคม ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ บุคลิกภาพ ฯลฯ
และมีการศึกษาและรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบ
          ด้วยลักษณะงานของการจัดบริการศึกษาข้อมูลนักเรียนของครูแนะแนว 
เป็นประโยชน์ต่อการช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนด้วย
โดยการช่วยจัดหาเครื่องมือที่ง่ายและสะดวกต่อการศึกษารวบรวมข้อมูลนักเรียนสำหรับครูที่ปรึกษา  เช่น
แบบสอบถามข้อมูลประวัติส่วนตัวนักเรียนด้านต่าง ๆ   แบบบันทึกการเยี่ยมบ้าน  แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสัมภาษณ์นักเรียน   และผู้ปกครอง 
เป็นต้น 
แนะนำการใช้เครื่องมือทางจิตวิทยาอื่น ๆ   
เพื่อการรู้จักนักเรียนเพิ่มเติม เช่น 
แบบประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน (SDQ)
และประสานแจ้งผลการสำรวจ
/การทดสอบทางจิตวิทยาและการแนะแนวให้ครูที่ปรึกษาทราบ   เช่น ผลจากการประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ
 ผลจากการวัดทางสุขภาพจิต  ผลการสำรวจบุคลิกภาพ  ผลการสำรวจทิศทางความสนใจในอาชีพ 
           2.  บริการสนเทศ ( Information
Service )   
เป็นการจัดบริการข่าวสารข้อมูลด้านการศึกษาด้านอาชีพ  ด้านส่วนตัวและสังคมแก่นักเรียน   เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
และการวางแผนการศึกษาต่อและอาชีพ ตลอดจนการดำเนินชีวิตของนักเรียน  โดยจัดนำเสนอข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เช่น
ป้ายนิเทศ  สื่ออิเลคทรอนิกส์  การจัดนิทรรศการ การเชิญวิทยากร การศึกษาดูงาน
เป็นต้น   
                 การจัดบริการสนเทศทั้ง 3 ด้าน ดังกล่าวข้างต้น    
จะเป็นประโยชน์เชื่อมโยงกับการจัดกิจกรรมแนะแนวได้อย่างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน   เพราะการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนานักเรียนก็มีขอบข่าย  3 ด้านนี้เช่นกัน 
อีกทั้งยังเป็นประโยชน์เชื่อมโยงไปยังงานในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน   เนื่องจากสามารถช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการป้องกันส่งเสริมและพัฒนานักเรียนทุกคนได้ 
           3. 
บริการให้การปรึกษา ( Counseling Service ) เป็นการจัดกระบวนการที่มีหลักการ
ขั้นตอน และจุดมุ่งหมายในการปรึกษาที่ชัดเจนตามหลักการปรึกษาเชิงจิตวิทยา  ช่วยให้นักเรียนรู้จัก เข้าใจ
ยอมรับตนเองและปัญหาที่กำลังเผชิญ 
ได้เรียนรู้และค้นหาเหตุแห่งปัญหา
หาทางจัดการกับปัญหาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง  อีกทั้งจัดการศึกษารายกรณี
และประสานการจัดประชุมปรึกษารายกรณี
เพื่อการช่วยเหลือนักเรียนอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น 
           การจัดบริการให้การปรึกษา ควรครอบคลุมด้านการศึกษาต่อ ด้านอาชีพ  ด้านส่วนตัวและสังคม เช่นกัน  โดยมีความเชื่อมโยงกับการจัดกิจกรรมแนะแนว  คือเป็นบริการที่รองรับการให้การช่วยเหลือนักเรียนที่ครูแนะแนวพบว่ามีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาหรือมีเรื่องที่ควรได้รับการแก้ไข
ช่วยเหลือหรือพัฒนา จากการสังเกตพฤติกรรมนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว  การแสดงออก หรือชิ้นงานที่นักเรียนทำ   
อีกทั้งยังเป็นประโยชน์เชื่อมโยงไปยังงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนในส่วนของการให้ความร่วมมือช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มเสี่ยง
และกลุ่มมีปัญหาด้วยตนเอง
ตลอดจนประสานการส่งต่อนักเรียนจากครูที่ปรึกษาทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน  กรณีที่ยากต่อการช่วยเหลือของครูที่ปรึกษา  
           4.  บริการจัดวางตัวบุคคล  (Placement Service )
เป็นบริการที่จัดเพื่อให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ ได้รับการช่วยเหลือ
หรือได้รับการฝึกฝนตามแต่กรณี 
โดยจัดความช่วยเหลือนักเรียนในรูปแบบวิธีการที่หลากหลาย
ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา  ด้านอาชีพ  ด้านส่วนตัวและสังคม  เช่น 
ช่วยเหลือนักเรียนในการเลือกเรียนแผนการเรียนที่เหมาะสม   ได้ร่วมกิจกรรมที่ตอบสนองต่อความถนัด
ความสามารถและความสนใจ 
การช่วยเหลือนักเรียนในเรื่องการทำงานพิเศษ
การจัดหาทุนการศึกษาและทุนอาหารกลางวัน 
เป็นต้น
                 ด้วยลักษณะของการบริการจัดวางตัวบุคคลดังกล่าว
จึงเป็นประโยชน์เชื่อมโยงกับการจัดกิจกรรมแนะแนว 
และการประสานช่วยเหลือครูที่ปรึกษาในการส่งเสริมและพัฒนานักเรียนในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนได้เช่นกัน
           5.  บริการติดตามผล  ( Follow-up Service  ) เป็นบริการที่มีระบบ  ขั้นตอน ในการติดตามประเมินผลคุณภาพการให้บริการ
การจัดกิจกรรมแนะแนว และการจัดงาน โครงการต่างๆ
ของงานแนะแนวเพื่อนำผลที่ได้ไปแก้ไข ปรับปรุง
และพัฒนาการวางแผนงานแนะแนวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  
           การติดตามผลการจัดบริการแนะแนวด้านต่าง ๆ 
จะทำให้ครูแนะแนวมีข้อมูลในการประเมินการดำเนินการช่วยเหลือว่าต้องดำเนินการต่อหรือยุติการช่วยเหลือเมื่อนักเรียนได้พัฒนาตามวัตถุประสงค์แล้ว 
และเชื่อมโยงเป็นประโยชน์กับการจัดกิจกรรมแนะแนว
ด้วยการนำผลการติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรและแผนการจัดกิจกรรมแนะแนว และการติดตามผลการพัฒนาตนของนักเรียนมาปรับปรุงการจัดกิจกรรมแนะแนวให้มีประสิทธิภาพในการพัฒนานักเรียนยิ่งขึ้น 
ตลอดจนเป็นประโยชน์เชื่อมโยงกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน
คือเป็นการช่วยให้ครูที่ปรึกษาได้เห็นผลของการดำเนินงานให้การดูแลช่วยเหลือและส่งเสริมนักเรียนในความดูแลของตนเอง
ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่จะนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนางานให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
           อนึ่ง 
เพื่อให้การดำเนินงานตามขอบข่ายงานแนะแนวทั้ง 3 ด้าน
มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นควรมีการประสานสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง เช่นประสานกับเครือข่ายผู้ปกครอง หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ในชุมชน
รวมทั้งเครือข่ายนักเรียนด้วย



 
 
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น